water airport

http://sanambinnam.siam2web.com/
หน้าหลัก  ความเป็นมา  ประวัติผู้แต่ง  เนื้อเรื่องย่อ  ลักษณะคำประพันธ์  ถอดความ

เนื้อเรื่องย่อ

            ในดินแดนชวาแต่โบราณมีกษัตริย์ราชวงศ์หนึ่ง เรียกว่า วงศ์อสัญแดหวาหรือวงศ์เทวา กล่าวกันแต่เดิมว่าเมืองหมันหยามีเจ้าเมือง มีธิดาสี่ องค์ เจ้าเมืองหมันหยาคิดจะแต่งการสยุมพรให้กับธิดาทั้งสี่ แต่หากษัตริย์ที่คู่ควรไม่ได้ ต่อมามีเหตุเกิดขึ้นคือมีพระขรรค์ ชัยกับธงผุดขึ้นที่หน้าพระลาน ทำให้เกิดข้าวยากหมากแพงชาวเมืองเดือดร้อนเจ้าเมืองหมันหยาจึงป่าวประกาศให้กษัตริย์เมืองต่างๆ มาถอนพระขรรค์กับธงออกเพื่อ แก้อาถรรพ์ ผู้ใดทำได้สำเร็จจะยกธิดาและสมบัติให้กึ่งหนึ่งกษัตริย์เมืองต่างๆที่มาอาสา ก็ไม่สามารถถอนพระขรรค์กับธงได้ จนอสัญแดหวา สี่องค์ที่มาสถิต ณ เขาไกรลาส แปลงกายเป็นมนุษย์มาฉุดถอนพระขรรค์กับธงได้สำเร็จ เทวราชทั้งสี่ไม่ขอรับสมบัติหากขอเพียงธิดาเป็น คู่ครองและจะไปสร้างเมืองอยู่เอง

เทวาองค์แรกพาธิดาองค์ที่หนึ่งไปสร้างเมืองกุเรปันองค์ที่สองพาธิดาองค์รองไปสร้างเมืองดาหา องค์ที่สามพาธิดาองค์รองสุดท้องไปสร้าง เมืองกาหลังและองค์ที่สี่พาธิดาองค์สุดท้องไปสร้างเมืองสิงหัดส่าหรี สี่เมืองนี้จึงนับเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ด้วยเกียรติและยศศักดิ์ ด้วยเป็นวงศ์ อสัญแดหวาและยังเป็นที่ยอมรับและยกย่องของหัวเมืองน้อยใหญ่ และสี่เมืองนี้เท่านั้นที่สามารถตั้งตำแหน่งมเหสีได้ ๕ องค์ อันได้แก่ ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกูและเหมาหลาหงี

ส่วนความเกี่ยวพันระหว่างวงศ์อสัญแดหวากับเมืองหมันหยานั้นเรียกได้ว่าเกี่ยวดองกันเพราะวงศ์อสัญแดหวารุ่นต่อๆมา ล้วนได้ธิดาเมืองหยันหยา มาเป็นประไหมสุหรี

สมัยต่อมาเจ้าผู้ครองเมืองกุเรปันประสงค์จะมีโอรสกับประไหมสุหรี จึงได้ทำพิธีบวงสรวงเทวดาและได้โอรสสมพระทัยโหรทำนายว่าโอรสจะเป็นผู้มีเดชานุภาพยิ่งใหญ่ แต่เมื่ออายุได้ ๑๕ ชันษาจะมีเคราะห์ต้องพลัดพรากจากเมืองถึงสามครั้ง จะไปได้ชายาเมืองอื่น พลัดบ้านพลัดเมืองถึง ๑๓ ปีจึงจะกลับคืนกุเรปันวันที่โอรสประสูติวงศ์อสัญแดหวาซึ่งเป็นบรมอัยกาสถิตอยู่บนสวรรค์ได้นำกริชแก้วสุรกานต์จารึกชื่อ อิเหนา มาวางไว้ข้างตัว

ฝ่ายประไหมสุหรีเมืองหมันหยา ได้ให้กำเนิดธิดาชื่อ จินตะหราวาตี ประไหมสุหรีของเมืองหมันหยา ได้ให้กำเนิดโอรสชื่อ สุหรานากง ซึ่งวงศ์อสัญแดหวาได้นำกริชจารึกชื่อมาประทานให้เช่นเดียวกับอิเหนา เมืองกาหลังได้กำเนิดธิดาแต่ประไหมสุหรีชื่อ สกาหนึ่งหรัด และเป็นคู่ตุหนาหงัน(คู่หมั้น) กับสุหรานากง ส่วนเมืองดาหา ประไหมสุหรีได้กำเนิดธิดาชื่อ บุษบา ซึ่งทางเมืองกุเรปันได้สู่ขอตุนาหงันไว้กับอิเหนา อีก ๕ ปี ต่อมาประไหมสุหรีของเมืองดาหาก็ได้ให้กำเนิดโอรสชื่อ สียะตรา

อิเหนาเจริญวัยจนอายุได้ ๑๕ ชันษา ก็มีความเชี่ยวชาญเก่งกล้าสมเป็นโอรสกษัตริย์ ต่อมาพระมารดาของประไหมสุหรีเมืองหมันหยาทิวงคต ท้าวหมันหยาจึงมีราชสาส์นแจ้งไปยังเมืองกุเรปันและเมืองดาหา ทางเมืองกุเรปันจึงให้อิเหนานำเครื่องเคารพศพไปร่วมงาน

ครั้นอิเหนาไปถึงเมืองหมันหยา ได้เข้าเฝ้าท้าวหมันหยาและพบกับจินตะหราธิดาเจ้าเมืองจึงนึกรักคิดใคร่ได้นางจนไม่ยอมกลับกุเรปัน ท้าวกุเรปันเห็นว่างานศพก็เสร็จสิ้นแล้วจึงให้คนถือหนังสือไปตามตัวอิเหนากลับโดยบอกเหตุผลว่าพระมารดาทรงครรภ์แก่ใกล้ประสูติ อิเหนาต้องจำใจกลับวังแต่ได้เขียนเพลงยาวและฝากแหวนสองวง ขอแลกกับสไบของนางจินตะหรา เมื่ออิเหนาถึงเมืองกุเรปันก็ทราบว่าประไหมสุหรีกำเนิดธิดาชื่อ วิยะดา และท้าวดาหาได้สู่ขอตุนาหงันไว้ให้กับสียะตราน้องชายบุษบา อิเหนากลับมากุเรปันก็คร่ำครวญคิดถึงจินตะหรา ท้าวกุเรปันจึงมีราชสาส์นเร่งรัดไปยังท้าวดาหาเพื่อจะจัดการวิวาห์ระหว่างอิเหนากับบุษบาให้เป็นที่เรียบร้อย

ฝ่ายอิเหนาระแคะระคายว่าจะต้องแต่งงานกับบุษบา จึงออกอุบายขออนุญาตท้าวกุเรปันออกประพาสป่า แล้วปลอมตัวเป็นนายโจรชื่อ มิสารปันหยีให้พี่เลี้ยงและไพร่พลปลอมเป็นชาวบ้านป่าทั้งสิ้นเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูเขาปะราบีใกล้เมืองหมันหยา

กล่าวถึงกษัตริย์สามพี่น้องอีกวงศ์หนึ่ง องค์แรกครองเมืองปันจะรากัน มีธิดาชื่อสการะวาตี องค์รองครองเมืองปักมาหงัน มีธิดาชื่อ มาหยารัศมี มีโอรสชื่อ สังคามาระตา องค์ที่สามครองเมืองบุศสิหนา เพิ่งไปสู่ขอนางตรสาธิดาเมืองปะตาหรำมาเป็นชายา ระหว่างเดินทางกลับจากพิธีวิวาห์ พี่น้องทั้งสามเมืองก็แวะพักนมัสการฤาษีสังปะติเหงะซึ่งบำเพ็ญพรตอยู่เชิงเขาปะราปี

ระหว่างที่ไพร่พลของอิเหนาพักอยู่ที่เชิงเขาปะราปี ประสันตาพี่เลี้ยงของอิเหนาได้ล่วงล้ำไปมีเรื่องวิวาทกับไพร่พลของท้าวบุศสิหนา ท้าวบุศสิหนายกทัพมารบ กับอิเหนาซึ่งใช้ชื่อว่า มิสารปันหยี ท้าวบุศสิหนาถูกมิสารปันหยีแทงตกม้าตาย ท้าวปันจะรากันและท้าวปักมาหงันทราบจากฤาษีสังปะติเหงะว่า มิสารปันหยี คืออิเหนา จึงยอมอ่อนน้อมไม่สู้รบด้วย ทั้งยกสการะวาตีมาหยารัศมีและสังคามาระตาให้แก่อิเหนาด้วย

จากนั้นอิเหนาก็เข้าเมืองหมันหยา และได้จินตะหราเป็นชายาสมใจ แล้วได้พามาหยารัศมีและสะการะวาตีมาอยู่ด้วยกัน

ฝ่ายเมืองดาหาเมื่อเตรียมการพิธีวิวาห์เสร็จก็แจ้งไปยังท้าวกุเรปัน ท้าวกุเรปันก็ร้อนใจที่ทราบว่าอิเหนาไปได้จินตะหราเป็นชายาจึงให้คนถือหนังสือไปตามให้อิเหนากลับอิเหนาพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกลับ และขอถอนหมั้นบุษบา ท้าวดาหาได้ทราบความก็ขุ่นเคืองมากถึงกับตัดสินพระทัยว่าแม้นใครมาขอบุษบาก็จะยกให้ทันที

กล่าวถึงเมืองพี่เมืองทั้งสองเมือง เมืองพี่คือเมืองล่าสำ เมืองน้องคือเมืองจรกา ท้าวล่าสำมีธิดาชื่อ กุสุมาเป็นคู่หมั้นกับสังคามาระตาฝ่ายท้าวจรกายังไม่มีคู่ด้วยรูปชั่วตัวดำ เมื่อได้ทราบข่าวทางเมืองดาหาก็แต่งเครื่องบรรณาการมาขอบุษบา ท้าวดาหาก็ยินดียกให้ ด้วยกำลังแค้นเคืองอิเหนา
กล่าวถึงกษัตริย์อีกวงศ์หนึ่ง องค์พี่ครองเมืองกะหมังกุหนิง มีโอรสชื่อ วิหยาสะกำ องค์รองครองเมืองปาหยัง มีธิดาสององค์ ชื่อ รัตนาระติกา และรัตนาวาตี องค์สุดท้องครองเมืองประหมันสลัด มีโอรสชื่อ วิหรากะระตา มีธิดาชื่อ บุษบาวิลิศ

อยู่มาวิหยาสะกำออกเที่ยวป่า องค์อสัญแดหวาไม่ต้องการให้บุษบาแต่งงานกับจรกา จึงจำแลงเป็นกวางทองล่อวิหยาสะกำไปพบรูปนิมิตของบุษบา วิหยาสะกำเห็นรูปก็หลงรักไม่เป็นอันกินอันนอน ท้าวกะหมังกุหนิงจึงแต่งเครื่องบรรณาการไปขอบุษบาให้โอรสทั้งที่รู้ว่าท้าวดาหาได้ยกบุษบาให้กับจรกาแล้ว

เมื่อท้าวดาหาไม่ยินยอม ท้าวกะหมังหุหนิงจึงยกทัพมารบเมืองดาหาทางเมืองดาหาจึงรีบบอกไปยังเมืองพี่เมืองน้องและเมืองจรกาให้มาช่วย

ท้าวกุเรปันมีราชสาส์นไปยังอิเหนาที่เมืองหมันหยาให้มาช่วยท้าวดาหาอิเหนาจึงจำต้องยกทัพมาช่วยและได้รบกับท้าวกะหมังกุหนิงซึ่งถูก อิเหนาแทงด้วยกริชถึง แก่ความตาย วิหยาสะกำก็ถูกสังคามาระตาแทงตกม้าตาย ทางเมืองดาหาทราบว่าอิเหนามีชัยต่อข้าศึก ก็ให้จัดพิธีต้อนรับอิเหนาเข้าเมือง เมื่ออิเหนาเข้าเฝ้าท้าวดาหา ไปพบบุษบาก็เสียดายและนึกรัก

อิเหนาพยายามยืดเวลาเพื่อจะอยู่เมืองดาหานานๆ และไปร่วมพิธีใช้บนที่ภูเขาวิลิศมาหรา อิเหนาพยายามหาโอกาสเข้าใกล้บุษบาและพยายามกลั่นแกล้งจรกาให้บุษบารังเกียจจรกา มิหนำซ้ำอิเหนายังถือโอกาสกอดจูบบุษบาตอนมะเดหวีกับบุษบาเข้าไปเสี่ยงเทียนในถ้ำ

ครั้นกลับเข้าเมือง อิเหนาจึงคิดลักพาบุษบาหนี โดยสร้างสถานการณ์ว่ามีข้าศึกเข้ามาปล้นเมืองดาหาอิเหนาอาศัยความโกลาหลปลอมตัวเป็นจรกาพาบุษบาหนีออกนอกเมืองไปซ่อนไว้ ในถ้ำกลางป่าแล้วย้อนรอยกลับเข้าเมืองดาหา ทำเหมือนไม่รู้ว่าบุษบาถูกลักพาไป

กล่าวถึงองค์อสัญแดหวาขุ่นเคืองอิเหนาที่ทำหยาบหยามตามอำเภอใจ จึงบันดาลให้ลมหอบพาบุษบาและพี่เลี้ยงไปตกยังเมืองประมอตันเพื่อให้พลัดกันกับอิเหนาและองค์อสัญแดหวายังแปลงบุษบาให้ดูเหมือนผู้ชาย ให้ชื่อว่าอุณากรรณ ท้าวประมอตันได้พบจึงรับไปเป็นโอรสบุญธรรมฝ่ายอิเหนาเมื่อทราบว่าลมหอบบุษบาหายไปก็เสียใจมาก จึงปลอมเป็นนายโจรมิสารปันหยีออกติดตามนาง ระหว่างทางก็ตีได ้เมืองเล็กเมืองน้อยเป็นเมืองขึ้น อิเหนาพยายามตามหาบุษบาต่อไปแต่ไม่พบ จึงไปบวชเป็นฤาษีชื่อ กัศมาหราอายัน

ข้างอุณากรรณก็พยายามออกติดตามหาอิเหนาเช่นเดียวกัน จนไปถึงภูเขาปัจจาหงันที่อิเหนาบวชเป็นฤาษีอยู่ ทั้งสองได้พบกันแต่ก็ไม่รู้จักกันอุณากรรณเดินทางต่อไปถึงเมืองกาหลัง ต่อมาอิเหนาลาจากเพศฤาษีติดตามอุณากรรณไปยังเมืองกาหลังด้วย

เมื่ออยู่ที่เมืองกาหลัง ทั้งท้าวกาหลัง อุณากรรณและมิสารปันหยีต่างไม่รู้จักกันเพียงแต่สงสัยคลับคล้ายคลับคลา ต่อมาอุณากรรณเดินทางจากเมืองกาหลังไปสืบหาอิเหนา และไปบวชเป็นชี ณ ภูเขาตะหลากันโดยใช้ชื่อว่า ชีติหลาอรสา

ต่อมาประสันตาได้พบนางชีติหลาอรสา ก็สงสัยว่าจะเป็นบุษบา จึงมาทูลอิเหนาอิเหนาจึงปลอมตัวเป็นเทวดาชื่อ หลงหลังอาหลัด ไปหานางที่อาศรม แล้วหลอกว่าจะมารับนางไปอยู่ที่เมืองฟ้า แต่กลับพานางเข้าเมืองกาหลัง ประสันตาได้ทำอุบายเล่นหนังตามเรื่องราวของอิเหนาโดยเริ่มตั้งแต่เมื่อขึ้นไปไหว้พระปฏิมาบนภูเขาวิลิศมาหรา กระทั่งบุษบาถูกลมหอบไป ในที่สุดอิเหนากับบุษบาก็จำได้ ทั้งสียะตราและวิยะดาก็ได้พบกัน

เมื่อพบกันพร้อมหน้า ที่เมืองกาหลังแล้ว อิเหนาก็ยังไม่กล้ากลับเมืองดาหาเพราะเกรงท้าวดาหาจะกริ้วสียะตราจึงต้องแต่งสาส์นไปทูลให้ท้าวกุเรปันและท้าวดาหาทรงทราบ เพื่อให้สองกษัตริย์ยกโทษและรับอิเหนากลับเข้าเมือง

ในที่สุดท้าวกุเรปัน ท้าวดาหาก็จัดกองทัพมารับอิเหนาและบุษบาที่เมืองกาหลังทั้งได้จัดงานพิธีอภิเษกให้อิเหนาด้วย มีเจ้าเมืองต่างๆ มาร่วมพิธีมากมาย

จากนั้นอิเหนาก็ปกครองแว่นแคว้นแดนชวาด้วยความสุขสืบมา

 

Advertising Zone    Close
Online: 1 Visits: 190,497 Today: 2 PageView/Month: 26

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...